Skip to main content

Facetime ทำงานอย่างไร

Submitted by ezybzy on

ได้อ่านบทวิเคราะห์ Facetime จาก theiphonewiki แล้วเห็นว่ามันช่างยิ่งใหญ่อลังการมากเลยอยากจะเขียนสรุปเป็นภาษาที่เข้าใจง่ายหน่อย

อุปกรณ์ที่จะใช้งาน Facetime ต้องทำการแสดงตัวกับระบบของ Apple ซึ่งในขณะนี้ใช้การ SMS เงียบไปยังระบบของ Apple ซึ่งขณะนี้มีอยู่ไม่กี่แห่งในโลกและยังไม่ได้กระจายไปทั่วทุกภูมิภาคในโลก การส่ง SMS เงียบนี้จะทำในทันทีที่จำเป็น เนื่องจากไม่สามารถสันนิษฐานได้ว่าเราจะถูกเรียกใช้งาน Facetime เมื่อใด ดังนั้นเมื่อเปิดเครื่องหรือเมื่อระบบสามารถเชื่อมต่อเครือข่ายโทรศัพท์ได้ ก็จะเกิดการส่ง SMS เงียบนี้ทันทีและจะทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะประสบความสำเร็จ (ได้รับ SMS เงียบตอบรับจากระบบ เพื่อใช้ยืนยันเมื่อมีการเชื่อมต่อ Facetime)

เหตุผลที่ต้องมีการแสดงตัวกับระบบของ Apple เนื่องจากการออกแบบให้เกิดความง่ายความโปร่งใสที่ต้องการตัดความยุ่งยากในการที่ต้องมากรอกข้อมูลตรงส่วนนี้ในฝั่งของผู้ใช้ ก็เลยทำให้เกิดความซับซ้อนในการออกแบบระบบหลังบ้านของ Facetime ลองดูจากวิธีการใช้ที่เพียงแค่

เลือกชื่อของคนที่อยากจะทำ Facetime แล้วกดปุ่ม Facetime ในหน้าจอนั้น

แน่นอนว่าคนคนเดียวกัน บนรายการผู้ติดต่อของอุปกรณ์ต่างเครื่อง ย่อมมีวิธีการบันทึกข้อมูลที่ต่างกัน (บางคนตั้งรายการผู้ติดต่อโดยกรอกข้อมูลจริง ชื่อจริง นามสกุลจริง แต่บางคนกรอกแค่ชื่อเล่น) แล้วจะทำอย่างไรให้ทราบว่ารายการนั้นต้องทำการต่อสายไปหาอุปกรณ์ตัวไหน?

สิ่งที่ Apple ทำอยู่ในขณะนี้คือการพยายามทำตัวเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เอาเสียเอง เพราะถ้าดูวิธีการแล้ว การที่โทรศัพท์มือถือสามารถใช้งานได้บนเครือข่าย ก็เพราะมีการยืนยันตัวซึ่งทำผ่านซิมการ์ดนั่นเอง แต่ Apple สามารถใช้กระบวนการอื่นๆ ในการแสดงตัว ในปัจจุบันน่าจะใช้ค่าที่เกิดจากการเชื่อมต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์ เหตุที่น่าจะเป็นเช่นนี้เพราะว่าทุกครั้งที่มีการเปิดเครื่องโทรศัพท์, เปลี่ยนซิมการ์ด, หรือเมื่อผ่านช่วงระยะเวลาหนึ่งจะมีการแสดงตัวกับระบบของ Apple ใหม่ ซึ่งหากใช้เพียงแค่ค่าคงที่บางอย่างบนเครื่องโทรศัพท์ในการยืนยันตัว (เช่น IMEI) จะพบว่าจะมีปัญหาอื่นๆ ตามมา เช่น ถ้าเครื่องถูกขโมยไป, ถ้าเครื่องเปลี่ยนมือไปยังผู้ใช้คนอื่น, หรือส่งเข้าศูนย์บริการ แล้วตัว Facetime ของเจ้าของเดิมมันควรจะตามต่อไปกับเครื่องนั้นไหม? (ข้อสันนิษฐานว่า IMEI จะตามไปกับคนไม่เป็นจริง)

ทางออกที่ Apple ใช้ตอนนี้น่าจะเป็นว่า Apple ใช้ ICCID กับค่า Network Session ที่จะเปลี่ยนแปลงไปในช่วงระยะเวลาหนึ่ง (การปิดเครื่องก็ทำให้ค่านี้เปลี่ยนแปลงไปนะ) แต่ก็จะมีปัญหาอีกข้อคือ แล้วถ้าผู้ใช้มีอุปกรณ์ที่สนับสนุนการใช้ Facetime มากกว่า 1 เครื่องล่ะ แล้วจะให้มัน Ring หาตัวไหน? ดังนั้นก็น่าจะมีอีกค่าที่ถูกนำมาผสมด้วย ซึ่งค่าที่น่าจะเป็นไปได้คือหมายเลขโทรศัพท์ที่ถูกกรอกเอาไว้ใน My Number ซึ่งทำให้ Apple ทราบค่าคงที่ไปแล้ว 2 ค่าคือ ICCID กับหมายเลขโทรศัพท์ที่ผูกกับ My Number นั้น อาจจะมีคำถามว่าแล้วเราจะเชื่อ My Number ได้แค่ไหน กลายเป็นว่าจริงๆ แล้ว Apple ไม่ได้ใช้แค่ค่า My Number แต่ใช้ค่าที่น่าเชื่อถือได้มากกว่านั้น นั่นคือใช้หมายเลขที่ได้จาก SMS เงียบนั่นแหละ (อาจจะเป็นหมายเลขโทรศัพท์หรืออย่างอื่นซึ่งไม่ทราบว่าคืออะไรเพราะไม่ได้ศึกษาในส่วนนี้)

และนั่นน่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้การใช้ Facetime ต้องเปิด Cellular Data Network ไว้ด้วย (จะเป็น EDGE/GPRS/3G ก็แล้วแต่) ในการแสดงตัวหนแรก นั่นก็เพื่อให้กระบวนการ SMS เงียบนี้ใช้งานได้ (จริงๆ ปิด Cellular Data Network ไปมันก็รับส่ง SMS ได้นะ แต่ไม่รู้ว่าทำไมต้องเปิด แถมเราก็เสียเงินค่าบริการ SMS อีกสำหรับบางเครือข่าย) แต่นั่นก็ดูจะเป็นวิธีที่ไม่ค่อยดีเท่าใดนัก เพราะทำไมจึงไม่ใช้ Wifi อย่างเดียวตามที่ได้โฆษณาเอาไว้?

อาจจะเพราะ Apple ไม่สามารถสร้าง API เพื่อตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์บนซิมนั้นได้ นี่จึงเป็นวิธีเดียวที่ Apple จะได้คีย์อีกคีย์ที่ไม่น่าจะมีซ้ำกันในหลายๆ เครื่องและน่าจะเป็นสิ่งที่ผู้ใช้กรอกเพื่อยืนยันบุคคลคนอื่น (หมายเลขโทรศัพท์) เพื่อผูกกับคีย์ที่ไม่น่าจะมีซ้ำกัน (ICCID) ซึ่งนั่นก็สามารถแก้โจทย์ของการมีอุปกรณ์ที่สนับสนุน Facetime หลายๆ เครื่องได้ เพราะการที่เราจะ Facetime ไปหาผู้อื่น เราต้องมีหมายเลขโทรศัพท์ปลายทางก่อน (ต่อไปอาจจะเป็น e-mail สำหรับ iPod touch หรือ iPad ที่มีกล้อง) ซึ่งหากมีหลายหมายเลขโทรศัพท์จะสามารถเลือกได้ว่าจะ Facetime ไปหาหมายเลขใด (แบบเดียวกับการเลือกส่ง SMS ผ่านหน้าจอนั้น) แต่สำหรับกรณี Multisim อาจจะมีเรื่องอื่นๆ เพื่อช่วยจัดการให้ Ring ตัว Facetime ไปถูกเครื่อง (หรืออาจจะไม่สนับสนุนให้ทำก็ได้ เพราะไม่ทราบว่าในต่างประเทศมีบริการแบบนี้หรือไม่?) ซึ่งกรณีนี้น่าจะเกิดขึ้นได้กับตัว iPod touch หรือ iPad ที่มีกล้องเพราะเมื่อปล่อยให้ผู้ใช้กรอก e-mail ได้เอง ย่อมจะทำให้เกิดโอกาสที่มีค่า ID ซ้ำมากขึ้นตามไปด้วย

หรือไม่ก็ Apple ต้องการดัดหลังจาก Hacktivate ก็เป็นไปได้ จึงต้องบังคับให้มีการเปิดใช้งานภาคโทรศัพท์ด้วยเพื่อให้สามารถใช้งาน Facetime ได้ (ซึ่งกรณีนี้จะใช้ไม่ได้กับ iPod touch หรือ iPad เพราะถึงอย่างไรก็สามารถ Activate เครื่องได้เสมอ)

นั่นก็เป็นกระบวนการที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Facetime ผมไม่ได้ศึกษาในส่วนของการสื่อสารขณะใช้งาน Facetime เพราะดูจะเป็นเรื่องที่ต้องเพ่งความคิดเยอะและคิดว่าคงจะไม่เกี่ยวข้องกับสายงานตัวเองเท่าใดนัก

Tags
iOS