Skip to main content

Life

เนื้อคู่?

Submitted by ezybzy on

แปลกใจ ที่พบว่ามีคนอีกคนที่อะไร ๆ ก็คล้าย ๆ เรา มีภูมิหลังคล้าย ๆ กัน ชีวิตความเป็นอยู่คล้าย ๆ กัน นิสัยก็คล้าย ๆ กันอีก ต่างกันแค่เธอเป็นผู้หญิง ผมเป็นผู้ชาย

แต่ที่ต่างไปอีกคือ เธอมีแฟน แต่ผมไม่มีแฟน แต่คุยกันทีไรก็รู้สึกดีแปลก ๆ ราวกับรู้จักกันมานาน

สับสน สับสนว่าความรู้สึก ความเป็นไปแบบนี้มันคืออะไรกัน แล้วคนคนนั้นเขาเคยมีความสัมพันธ์อะไรกับเราหรือ?

Tags

เที่ยวพิพิธภัณฑ์ช็อคโกแลต

Submitted by ezybzy on

ขออภัยที่ไม่มีรูปถ่าย (ขี้เกียจถ่าย)

เมื่อวานทางแลปได้พาไปเที่ยวที่ Köln ตอนบ่ายก็ได้เข้าพิพิธภัณฑ์ช็อคโกแลต ได้เกร็ดความรู้เกี่ยวกับเจ้าของสิ่งนี้มาเยอะเลย

ที่มา คือการนำเมล็ดภายในผลของโกโก้ หนึ่งผลสามารถสกัดทำชอคโกแลตได้ 1 แท่ง ซึ่งก็แล้วแต่สูตรว่าจะทำช็อคโกแลตเข้ม ช็อคโกแลตนม หรือช็อคโกแลตขาว ซึ่งที่นั่นก็แสดงสูตรให้ดูว่าช็อคโกแลตทั้งสามสูตรนั้นมีส่วนผสมอะไรเท่าไร (ช็อตโกแลตขาว ไม่มีส่วนผสมของช็อคโกแลตดำเลยแม้แต่น้อย แต่ใช้เนยช็อคโกแลตที่สะกัดได้จากช็อคโกแลตดำนั่นเอง)

Tags

Private pub แถว ๆ ที่พัก

Submitted by ezybzy on

แถวที่พัก มี Pub อยู่แห่งหนึ่ง สภาพภายนอกเหมือน Pub เจ๊งคือ เฮ้ย มันเปิดบริการวันไหนวะ มาสามทุ่ม ห้าทุ่ม ก็ไม่เห็นมันจะเปิดเลย

เสร็จแล้วพอวันพุธหรือวันเสาร์นี่แหละ นึกว่าเกิดปรากฏการณ์ผีสั่งหนัง เฮ้ยคนมาจากไหนเยอะแยะเลย พอเปิดไฟ มีคนใน Pub แล้วนึกถึงที่เที่ยวในกรุงเทพเลย

ผมก็ไม่ได้เป็นนักเที่ยวอะไร แต่จากการเลียบๆ เคียงๆ (เพราะต้องเดินผ่านทุกวัน) มันคือโกดังเก่าที่ทำการตกแต่งด้านในให้เหมือน Pub นี่แหละ แต่ผมก็ยังไม่ค่อยแน่ใจวิธีดำเนินธุรกิจของเขาเท่าไร แต่เข้าใจว่าคงเป็นการขอเช่าสถานที่เพื่อจัดปาร์ตี้มากกว่า ส่วนเรื่องค่าเช่าวัสดุอุปกรณ์ภายใน ถ้าเกิดความเสียหายจากความเมา หรือความจำเสื่อมนึกไม่ออกว่าเป็นลูกใคร ไม่รู้ว่าคิดอย่างไร แล้วเมื่อเสร็จงานใครจะเป็นคนจัดการทำความสะอาดในส่วนนี้

มีที่ดีๆ ในกรุงเทพก็น่าทำเหมือนกันนะ ลงทุนก้อนเดียว ไม่ต้อง Maintenance มาก แค่ต้องหาทางสร้างชื่อขึ้นมาให้ได้ ผมว่ากำลังซื้อของกลุ่มนักเที่ยวนี่ก็สูงใช่เล่นนะ

เออแต่แอบสงสัยนิดหนึ่งว่า ถ้าเกิดเจอพวกเล่นยาแล้วตำรวจมา เจ้าของสถานที่จะซวยด้วยไหม?

Tags

การถืออัตตา

Submitted by ezybzy on

อัตตา มีคนให้ความหมายมันไว้ว่า ร่าง (คงไม่ได้หมายถึงเฉพาะร่างกาย) การถืออัตตาก็คือ การยึดมั่นถือมั่นในร่าง

เราแต่ละคนก็มีการถืออัตตา มากบ้างน้อยบ้าง ถือมากก็อาจจะเห็นแก่ตัวมากหน่อย (ก็ยึดมั่นให้กับตัวเองมากนี่นะ)

บางทีการที่ blame เรื่องของคนอื่นมากเกินไป ก็ถือว่าเป็นถืออัตตาอย่างหนึ่ง (กูไม่เคยผิด) ซึ่งตรงนี้ถ้าไม่รู้สึกตัวก็จะมีปัญหาต่อไปในอนาคต (อาจจะส่งผลเมื่อสุดท้ายเหลือแต่ตัวกูของกู ไม่เหลือคนอื่นแล้ว แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละบุคคลว่าจะเชื่อในเรื่องมิตรอย่างไร หรือจะคิดแค่ว่าทุกอย่างที่ผ่านมาเป็นแค่วัตถุใด ๆ ก็ได้มั้ง?)

บางทีการพยายามคิด พยายามปล่อยวาง มันก็ช่วยให้อะไรดีขึ้น เราพยายามเข้าใจคนอื่นให้มากขึ้น เงียบปากไปบ้าง อะไร ๆ มันก็น่าจะดีขึ้น (มั้ง?)

ปล. Google สอนธรรมะอีกแล้ว ฮาฮา

ปล.2 เทพจริงๆ ต้องนิ่งใช่ไหมนะ? โอเคครับ ผมจะพยายามนิ่งให้มากขึ้น แต่ผมจะไม่เป็นเทพ เพราะผมไม่ได้มีความประสงค์จะเป็นเทพใด ๆ ผมก็แค่มีความสุขที่จะเติมอะไรที่มันขาดให้เต็ม

Tags

ระบบอัตโนมือในเยอรมันและศิลปะในสถานีรถไฟใต้ดิน

Submitted by ezybzy on

เขียนไว้ที่ UBMTA เรื่องรถเมล์ คราวนี้ไม่ใช่เรื่องรถเมล์ แต่ก็เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกันนั่นคือรถไฟ

อยู่ที่เยอรมันได้นั่งรถไฟเยอะมาก ก็ตามที่เคยเขียนไปคือรถไฟมีหลายประเภท เป็นรถรางประจำเมือง (TRAM), รถไฟของรัฐ (S-Bahn), รถไฟใต้ดิน (U-Bahn), รถไฟระหว่างเมืองอื่นๆ (RB, RE, IC, ICE, อะไรอีกซักอันนึกไม่ออก)

ลองนึกถึงภาพบ้านเราเวลานั่งรถไฟหลายๆ ประเภท เมื่อรถจอดนิ่งที่สถานีจะเกิดอะไรขึ้น? แน่นอนประตูรถทุกบานจะถูกเปิดออก ผู้โดยสารจะลงจะขึ้นก็เดินไป พอแน่ใจว่าไม่มีผู้โดยสารขึ้นลงแล้วประตูก็จะถูกปิด รถก็ออก

แต่ที่นี่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อรถถึงสถานี มันก็จะจอดอยู่อย่างนั้นเลย ถ้าไม่มีคนขึ้นคนลงในช่วงเวลาที่กำหนดมันก็จะออกไปเลย ประตูก็ปิดอย่างนั้น!

อาจจะสงสัยว่า เห้ยประเทศพัฒนาแล้วแบบนี้แค่เปิด-ปิดประตูอัตโนมัติทำไมทำไม่ได้? (ทีในห้างนี่แทบจะเปิดปูพรมอัตโนมัติเชิญเข้าเลย ฮา) เหตุผลมันมีครับ

เราอาจจะคุ้นๆ ภาพว่าสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินของเราอากาศค่อนข้างเย็น แถมมีประตูมากั้นขวางทางก่อนจะลงรถอีก (เปิดไว้ก็เปลืองไฟเครื่องปรับอากาศซิ) แต่ที่นี่อากาศเย็น (โดยไม่ต้องปรับอากาศ) และก็ไม่มีประตูกั้นขวางทางเชื่อมรถไฟด้วย การจะเปิดประตูรถไฟเล่นๆ บ่อยๆ ย่อมไม่ดีแน่ (ลมหนาวมันจะเข้ามาในระบบที่อุ่นๆ ทำให้ระบบต้องทำงาน แล้วคนที่อยู่ข้างในตัวรถคงจะไม่ชอบใจแน่ๆ) ดังนั้นทางออกสำหรับปัญหานี้ที่ดีที่สุดน่าจะเป็นการให้ผู้ใช้กดเปิดประตูเอาเองถ้าต้องการขึ้น-ลงจากรถ

ทีนี้สำหรับผู้มาเยือนเช่นผม ก็จะประสบอาการงงนิดหน่อยเพราะยังยึดติดกับระบบอัตโนมัติของบ้านเรา มาเจออัตโนมือที่นี่ก็ทำอะไรไม่ถูก แถมรถไฟบางรุ่นยังเป็นระบบโยกเปิดประตูอีก (นั่ง Bahn อื่นๆ มันก็กดปุ่มอย่างเดียวนี่ มาเจอรถเก่าก่อนที่จะเป็นระบบกดปุ่มก็งงอีก) ไปไม่เป็นเลย

แต่จากการไปนั่งรถไฟใต้ดินในเมืองใหญ่หลายๆ เมือง ทำให้เห็นว่า เอ้อสถานีรถไฟใต้ดินนี่มันก็แนวใช่เล่นเลย คนที่นี่เขามีศิลปะดีนะ (ไม่ได้พูดถึง Graffiti ที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่กล่าวถึงเอกลักษณ์ของสถานี) ลวดลายบนกำแพงบริเวณที่เราจะยืนมองออกไปรอรถไฟฟ้าแต่ละสถานีก็มีเอกลักษณ์ของตัวเอง (อันนี้เข้าใจว่าทุกผู้ให้บริการคงต้องทำ เพื่อให้ผู้โดยสารไม่หลงสถานี เป็น Visual Guide ที่ดี) แต่ก็ต้องบอกว่าที่เห็นในบ้านเรานี่เด็กๆ มาก ที่นี่เขาอลังการกว่า และชั้นโดยสารของที่นี่เพดานกินถึงระดับของชั้นจำหน่ายตั๋วด้วย (นึกถึงสถานีลุมพินี) ซึ่งเมื่อผสมกับศิลปะบนกำแพงแล้วก็พบว่ามันเป็นงานศิลปะชิ้นใหญ่เลย (ไม่ได้ถ่ายรูปมานะ ไว้กลับไปเมืองใหญ่ๆ บางแห่งจะถ่ายมา)

Tags

เงินหมด, กลับบ้าน!

Submitted by ezybzy on

การมาอยู่ในต่างแดน ใช้เงินค่อนข้างเยอะ ไหนจะค่ากิน, ค่าอยู่, ค่าประกัน, ค่าเนต, ค่าโทรศัพท์

สรุปเลยแล้วกัน ผมคาดว่าเงินผมจะหมดก่อนถึงช่วงเวลารับทุน ดังนั้น เงินผมหมดเมื่อไร และไม่มีงานทำ (คือไม่มีแหล่งรายได้เพิ่ม) ผมคงต้องหอบของกลับบ้านเป็นการชั่วคราว

แต่ก็ดีเหมือนกัน มีอะไรหลายๆ อย่างที่ควรจะกลับไปสะสางก่อน ไม่ว่าจะทำฟัน, ตัดผม, สอนพ่อแม่ให้ใช้คอมเป็น, หารายได้เพิ่มเติม, กินอะไรที่ควรจะกิน ฯลฯ

Tags

ขอมาก็จัดไป

Submitted by ezybzy on

มีคำปฏิญาณข้อหนึ่งจากเพื่อนที่ขอให้เราให้ไว้ก่อนที่เขาจะกลับไทยคือ “ถ้าไม่จำเป็นอย่าไปยุ่งกับงานของคนอื่นเดี๋ยวงานของเราจะไม่เสร็จ” เราก็ให้สัญญาไปนะ

แต่แล้วก็เผลอแหกคำปฏิญาณไปเสียแล้ว…

เราอยากเห็นงานระบบมันดีๆ ไม่อยากเห็นอะไรที่เริ่มจากศูนย์ ก็เลยเอาขาเข้าไปแหย่ในงานของคนอื่นเสียแล้ว

ถอนตัวตอนนี้ทันไหมหนอ???

ปล. แต่ทำแบบนี้คงไม่มีใครด่าเราลับหลังหรอกมั้ง ก็ช่วยคนนี่นะ

Tags

คำวิจารณ์

Submitted by ezybzy on

เราจะวิจารณ์มันอย่างถึงพริกถึงขิงอย่างไรดี?

ก็ต้องบ้ากับมันพอที่จะรู้ไส้รู้พุงมัน แล้วถึงค่อยวิจารณ์มัน การที่วิจารณ์โดยไม่เห็นไม่ได้ลอง ไม่มีความรู้ มันย่อมเกิดอาการเดาเอาเอง ยิ่งถ้ามีอัตตาสูง (หรือถูกปลูกฝังมาให้มีอัตตาสูง) ก็ยิ่งไปกันใหญ่บางทีวิจารณ์ไปผิด ๆ ต่อหน้าสื่อ เราที่พอจะทราบข้อเท็จจริงมาบ้างก็รู้สึกว่า “นี่มันบ้าชัด ๆ จะมั่นใจอะไรกันหนักหนาวะ ลัทธินี้ก็แปลกดีสอนให้คนใช้ระเบิดพลีชีพโดยไม่รู้ตัวว่าต้องตายแฮะ”

ดูข่าวต่างประเทศแล้วเห็นผู้ถูกสัมภาษณ์ออกมาฆ่าตัวตายกลางอากาศ เห็นแล้วสงสารลูกเมียครับ!

Tags

มา ๆ หาย ๆ

Submitted by ezybzy on

สัญญาณ Wireless ที่ห้องโผล่ๆ มา ๆ หาย ๆ เล่นเน็ตไม่ได้

สาวหมวยที่เจอบนรถเมล์ มา ๆ หาย ๆ (หายไปหลายวันแล้วนะ เอ๊ะหรือขึ้นรถไม่ถูกเที่ยวกันแน่หว่า?)

ความเห็นกลาง ๆ เชิงสงสัย เขียนปุ๊บหายปั๊บ (ฮา)

เจ้าของบ้านที่อัปเปหิตัวเองออกจากบ้าน มา ๆ หาย ๆ

อะไร ๆ ก็มา ๆ หาย ๆ เหมือนสีเสื้อ มา ๆ หาย ๆ

ตรรกะแบบเผด็จการ ใช้ไม่ได้กับประชาธิปไตยดอก

แทงข้างหลัง แทงข้างหน้า คนละเรื่อง ไม่เกี่ยวกันอย่าเหมารวม (อันนี้พ่อหมอบอกมา)

Tags

ถึงเยอรมันแล้ว

Submitted by ezybzy on

กว่าจะได้ออนไลน์แบบเต็มๆ นี่ยากใช้ได้เลย (ที่หอพักไม่มีโทรศัพท์ทำให้ติดอินเตอร์เน็ตไม่ได้ ได้มาแค่สัญญาณ Wifi แผ่วๆ จากโรงอาหาร)

ตอนนั่งเครื่องคิดว่าทรมานพอสมควร เข้าใจแล้วว่าโรค Economic class มันเป็นอย่างไร ที่นั่งของ Economic มันแคบ อาหารก็ดูไม่หรูหราเท่าของที่แพงกว่าหรอก แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา แต่การต่อเครื่องตอนเที่ยงคืนที่ประเทศที่สาม แล้วต้องผ่านการตรวจวัตถุต่างๆ นี่ทำให้เสียอารมณ์พอสมควร (เพราะแถวมันยาว) แล้วก็นั่งรอ เปลี่ยนมานั่งเครื่องที่เล็กกว่าเดิม ทำเลไม่ดีเท่าเครื่องแรกแถมไม่มีแอร์โฮสเตสเป็นคนไทยอีก (เครื่องแรกมีก็พอจะขอความช่วยเหลือได้สะดวกบ้าง)

พอมาถึง Frankfurt ก็รับของตามปกติ ผ่าน Immigrant ด้วยความตื่นเต้นเพราะไม่รู้ว่าเขาจะถามอะไรเยอะแยะหนักหนา (ฮา) แล้วก็มารับสัมภาระเสร็จแล้วเวลาก็เหลือหลายชั่วโมงเลย (เพราะวางแผนเผื่อสายไว้) ก็เลยต้องฝากของแล้วก็นั่งรถไฟเข้าไปใน Frankfurt โชคดีที่รถไฟขบวนที่ขึ้นไปเจอพี่คนไทยพอดี พี่เขาเลยพาเดินเที่ยวใน Frankfurt จนเกือบ 11 โมง แล้วก็นั่งรถกลับมาสนามบิน รอรถไฟขบวน ICE มายังเมือง Aachen

ที่ Frankfurt เราได้ซื้อซิมโทรศัพท์กันมา ค่าโทรก็ไม่ต่างจากบ้านเรามาก 0.15¢/minute แต่ที่ได้โทรกลับไทยราคา 0.09¢/minute เลยทำให้ได้คุยกับที่บ้าน (บ้าง) ราคาค่าอาหารต่อมื้อถ้าซื้อข้างนอกก็ตกที่ 2€ กว่าๆ (ทำกินเองประมาณ 3€ แต่คุ้มกว่าเพราะได้กินเยอะมาก) และมีข้อดีอีกข้อคือ คนในเมืองนี้ยอมพูดภาษาอังกฤษเยอะกว่าเมืองที่มาอยู่นี้

พอมาถึงที่ Aachen ก็มีคุณเลขาของ Professor มารับแล้วก็พาไปที่พัก เกิดความสับสนขึ้นนิดหน่อยทำให้ผมได้ห้องที่เล็กกว่าที่คิดสลับกับเพื่อนอีกคนแต่ไม่เป็นไร ปัญหาหลักของที่นี่คือ ห้องน้ำรวม และคิดค่าใช้น้ำอุ่น และการไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้ เลยคาดว่าจะไปซื้อ USB Dongle มาใช้แทน

เอาหล่ะ อาทิตย์หน้าชีวิตจริงก็คงจะได้เริ่มแล้ว สัปดาห์นี้เหมือนมาเที่ยวพักผ่อนเฉยๆ

Tags