ผมเพิ่งสังเกตว่า iPhone 12 อายุ 6 เดือนของตัวเองมีค่า Maximum capacity ของแบตเตอรี่อยู่ที่ 92% ทั้งที่รูปแบบการใช้งานก็ไม่ได้หนักหนา การ Work from home โดยจับโทรศัพท์แค่ 20 นาทีต่อวันไม่ควรจะทำให้แบตเตอรี่ลดจนเหลือ 40% ได้ จึงเป็นเหตุให้ได้พา iPhone เครื่องนี้ไปพบกับ Genius Bar และนี่คือเรื่องที่ทำให้ผมเห็นถึงความใส่ใจในการเก็บประวัติการรับบริการของ AppleCare
นี่ก็เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว ที่ MacBook Pro 15” (Late 2008) สเปค 2.53 GHz/320 GB/2 × 2GB/NVIDIA 9400M NVIDIA 9600 GT 512 MB ได้รับใช้ผมมาตั้งแต่ก่อนจะไปเยอรมนี บินไปบินกลับเยอรมนี แล้วก็กลับมาเริ่มทำงานใหม่ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็พบปัญหาระหว่างการใช้งานบ้าง แต่สุดท้ายปัญหาที่แก้ไม่หายปัญหาหนึ่งก็เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ผมต้องละทิ้งคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ไปหาเครื่องใหม่ที่ดีกว่า
แต่… ทั้งหมดนี้ ผมไม่ต้องเสียเงินซื้อเครื่องใหม่นะ AppleCare เป็นผู้จัดการให้หมด เนื่องจากเครื่องนี้มันผ่านการซ่อมแซมในชิ้นส่วนสำคัญมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งทำให้เข้าเงื่อนไขที่สามารถร้องขอให้เปลี่ยนเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ได้
สำหรับขั้นตอนทั้งหมดส่วนใหญ่ต้องดำเนินการเป็นภาษาอังกฤษหมด เพราะปลายสายที่จัดการเรื่องนี้ไม่ได้เป็นผู้ที่สามารถสื่อสารเป็นภาษาไทยได้ เมื่อคุยตกลงกับถึงเครื่องที่จะนำมาเปลี่ยนทดแทนแล้ว ก็เป็นขั้นตอนการเซ็นเอกสารกฎหมาย ซึ่งทาง Apple จะส่งสัญญาที่มีการทำเฉพาะเจาะจงสำหรับลูกค้าแต่ละราย (จริง ๆ จะบอกว่ามันเป็นฟอร์มกลาง ๆ แต่มีการเขียนข้อความให้มันตรงกับเราก็ได้แหละนะ) เราก็เซ็นแล้วก็เมลล์กลับไป แล้วก็เป็นขั้นตอนการรอเครื่องซึ่งทาง AppleCare จะออก Order Number มาให้เราสามารถตรวจสอบได้กับทางระบบ Apple Store
สำหรับเครื่องที่ผมได้มาทดแทนเป็น MacBook Pro 15” (Early 2011) สเปค 2.0 GHz/500 GB/2 × 2GB/AMD 6490M 256 MB ซึ่งก็ค่อนข้างผิดหวังนิดหน่อยในส่วนของการ์ดแสดงผล แต่ด้วยเหตุผลของ AppleCare ที่ว่าการ์ดแสดงผลตัวนี้เทียบเท่ากับของเดิม (ซึ่งขณะนี้ถูกลดระดับให้อยู่ในกลุ่ม Class B เหมือนกัน) ก็ถือว่าด้วยภาวะจำยอมครับ แหมมันน่าจะได้ 512 MB นะตัวพื้นฐานเนี่ย เพราะเขาก็ไม่สามารถจัดตัว AMD 6790M ให้ได้เหมือนกัน เพราะก็ต้องยอมรับว่าสเปคของเครื่องทดแทนนี้มันดีกว่าของเก่าหมดเลยยกเว้นขนาดของหน่วยความจำของการ์ดแสดงผล (แต่ก็ยังห่วยกว่า NVIDIA GT 330M ของรุ่นที่แล้วนะ แม้ว่าจะอยู่ใน Class เดียวกันแล้ว) ในโอกาสนี้ผมจึงได้ขอสั่งจอพิเศษไปด้วยในตัวเนื่องจากเป็นส่วนที่อัดอั้นมานานกับเครื่องรุ่นเก่า เพราะในขณะนั้นยังไม่มีตัวเลือกการปรับแต่งจอภาพ ในเครื่องใหม่ก็เลยสั่งเพิ่มไปเลย ซึ่งก็คิดอัตราค่าปรับแต่งในราคาปกติ ส่วน AppleCare ที่เหลือนั้นสามารถขอคืนเป็นเงินได้ แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบข้อมูลว่าจะได้คืนเป็นมูลค่าเท่าใด เพราะมันก็มีค่าใช้จ่ายที่ถูกหักไปจากการซ่อมเครื่องในครั้งที่ผ่านมา รวมถึงระยะเวลาที่เหลือด้วย สำหรับประกันของเครื่องทดแทนนี้จะถือว่าเริ่มต้นใหม่นับแต่วันที่เครื่องถูกจัดส่งออกจากโรงงานผลิต (11 เมษายน) ซึ่งด้วยการหยุดยาวสงกรานต์คาดว่าจะทำให้ผมได้เครื่องวันที่ 18 เมษายน
ตอนนี้ก็รอเครื่องทดแทนส่งมา แล้วก็จะมีเวลาในการถ่ายโอนข้อมูลจากเครื่องเก่าไปเครื่องใหม่อยู่ประมาณ 1 เดือนก่อนจะส่งเครื่องเก่าคืนพร้อมกล่องและอุปกรณ์เสริมที่มาด้วย ซึ่งคงใช้เวลาดำเนินการไม่นาน เพราะไม่รู้จะยื้อไว้ทำไมเหมือนกัน (ฮา)
จะเห็นได้ว่าสำหรับคนที่ใช้อะไรอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคแล้วมีปัญหาบ่อย ๆ เช่นผม AppleCare ดูจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ลดกังวลจากการใช้งานอุปกรณ์ไปได้มากทีเดียว แล้วก็หวังว่าเครื่องทดแทนจะไม่ประสบปัญหาเดิม ๆ อีกนะ มันน่ารำคาญมาก ๆ ในการใช้งาน