เนื่องจากได้สาย Thunderbolt มาก็อยากจะลองวัดเวลาในการถ่ายโอนข้อมูล แต่ก็ยังไม่สามารถหาโปรแกรมที่ใช้วัดเวลาในการถ่ายโอนข้อมูลได้จริง ๆ
เพิ่งมาค้นพบคำสั่งที่ใช้วัดเวลาในการสั่งคำสั่งใดคำสั่งหนึ่ง นั่นคือคำสั่ง time ซึ่งสามารถใช้กับคำสั่งใด ๆ ก็ได้ โดยจะแสดงผลต่อว่าใช้เวลาเท่าใดในการประมวลผลคำสั่งที่ต่อท้าย เช่น
time cp a b
คำนวณเวลาของคำสั่ง cp a b
เนื่องจาก Apple ได้ทำการเปลี่ยนระบบ Backup ของ mdhelper ไปแล้ว โดยเอาไฟล์ .mdinfo ออกแล้วก็เอานามสกุลไฟล์ .mddata ออกจากไฟล์ดั้งเดิม ทำให้เป็นเรื่องวุ่นวายในการตามไปแก้ไขไฟล์เดิมเพื่อจับ Restore กลับเข้าไปใน iPhone แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำอะไรกับมันไม่ได้
ถ้ายังจำโครงสร้างเดิม ๆ ได้ ไฟล์เดิม ๆ เราก็สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีเดิมๆ แล้วปล่อยให้ iTunes จัดการ Restore กลับเข้าเครื่องได้เช่นเดิม ลองมาดูชื่อไฟล์ที่น่าสนใจกันว่ามีอะไรบ้าง
เคยไหมที่ดาวน์โหลดอะไรอยู่แล้วถูกปลายทางถีบเราออกมาอย่างไร้เหตุผล
ไม่เป็นไร เรามีทางช่วยท่านได้ ด้วยคำสั่ง curl ท่านสามารถดาวน์โหลดไฟล์ที่ไม่สมบูรณ์ให้สมบูรณ์ได้ เพียงแค่สั่งดังต่อไปนี้
curl -C - -O ที่อยู่ไฟล์ที่ต้องการดาวน์โหลด
คำอธิบาย
C เพื่อระบุว่าจะให้ดาวน์โหลดต่อจากตำแหน่งใด ส่วน - อันกลางเข้าใจว่าเป็นการให้ดาวน์โหลดจากตำแหน่งสุดท้ายของไฟล์O เพื่อให้ทำการบันทึกชื่อไฟล์ด้วยชื่อเดียวกับที่กำหนดไว้บนฝั่งเซิร์ฟเวอร์นั่นเองถ้าอยากดาวน์โหลดแบบพวก Download manager ที่โหลดหลายๆ Part ได้ก็มีวิธีเช่นกัน โดยใช้พารามิเตอร์ r โดยต้องระบุช่วงที่ต้องการดาวน์โหลด เช่น 0-499, 500-999, 1000-, หรือ -1000 (1000 ไบท์สุดท้าย) แล้วใช้คำสั่ง cat รวม Part ต่างๆ เอาอีกที
เผอิญดูวีดีโอสาธิตการ Jailbreak iPad เห็นเขาเล่น Terminal พร้อมด้วยคำสั่ง !ตัวเลข ก็เลยเกิดอาการสงสัยว่ามีวิธีสั่งแบบนี้ด้วยเหรอก็เลยลองค้นดูก็พบกับ Quick Unix Reference อันนี้
มีที่น่าสนใจเช่นคำสั่ง history ที่เอาไว้แสดงว่าเคยพิมพ์อะไรใน Command บ้าง ถ้าจะล้างก็ใส่พารามิเตอร์ -c เข้าไป เกลี้ยงหายในพริบตา (เอาไว้ปิดงาน เวลาไม่อยากให้เขารู้ว่าสั่งอะไรไปในเครื่องเขาบ้าง)
หมวด ! นี่ก็มีที่น่าสนใจคือ !! เอาไว้อ้างถึงคำสั่งล่าสุดทั้งก้อน ถ้าลืม sudo ก็จับ sudo ไว้ข้างหน้าแล้วแล้วพ่วงท้ายด้วย !! หรือถ้าตกพารามิเตอร์บางอย่างก็นำหน้าด้วย !! แล้วต่อท้ายด้วยพารามิเตอร์ที่ต้องการ
เราเห็นเว็บข่าวลือแมคต่างประเทศมีการพูดคุยถึงฟังก์ชั่นซ่อนของโปรแกรมต่างๆ เช่น iTunes เราก็อยากรู้ว่าเขาทำอย่างไร สรุปก็คือเขาใช้วิธีตรวจหา Symbol ต้องสงสัยใน executable ของโปรแกรมที่สนใจ แล้วมันทำได้อย่างไรล่ะ?
ต้องเข้าใจก่อนว่าโปรแกรม executable ต่างๆ มันเป็น binary แต่แน่นอนว่าใน binary นี้ มันต้องมีอะไรที่เราพอจะแกะมาอ่านได้ วิธีพื้น ๆ ที่เขาใช้กันคือ ใช้คำสั่ง strings ซึ่งคำสั่งนี้จะทำการสกัดเอา String ที่พอจะอ่านได้จาก binary ออกมาให้เราดูคำละบรรทัด
แต่ก็มันก็มีอีกส่วนที่เราอ่านไม่ออก (แต่คอมมันอ่านออก) นั่นก็คือ Symbol ซึ่งหลงเหลือจากการแปลงโปรแกรม ซึ่งส่วนนี้จะทำให้ได้เห็นชื่อตัวแปรหรือชื่อคลาสบ้าง คำสั่งที่ใช้เป็นอีกคำสั่งคือคำสั่ง nm พอสั่งปุ๊บก็จะเห็นเลยว่ามีชื่อตัวแปรอะไรน่าสนใจให้เราพอจะเดาได้ว่าโปรแกรมนี้มันใช้อะไร ทำอะไร (แต่ไม่รู้หรอกว่าทำงานอย่างไร เว้นแต่จะไปแกะดูคำสั่งในระดับ assembly)