ปัญหาที่ยังไม่ได้แก้
Apple ไม่ได้สมบูรณ์แบบ (อันนี้ Jobs พูดเอง) ก็เลยคิดว่าเรามารวบรวมความไม่สมบูรณ์แบบที่มันมากระทบกระเทือนชีวิตเราหน่อยแล้วกัน
Apple ไม่ได้สมบูรณ์แบบ (อันนี้ Jobs พูดเอง) ก็เลยคิดว่าเรามารวบรวมความไม่สมบูรณ์แบบที่มันมากระทบกระเทือนชีวิตเราหน่อยแล้วกัน
จากข่าวว่าการจับ iPhone 4 ในบางท่าทางจะทำให้สัญญาณโทรศัพท์แย่ลงจนถึงขั้นสัญญาณหาย แล้ว Steve Jobs ก็ได้อีเมล์ตอบกลับลูกค้าที่โวยวายต่าง ๆ นานา
อันนี้แค่คิดเล่น ๆ จากการที่ได้ไปเห็น Apple Store มาแล้ว 4 ร้าน แต่ละร้านก็มีรูปแบบเอกลักษณ์ในแบบของตัวเอง
เอาหล่ะที่เหมาะ ๆ ดี ๆ ในกรุงเทพตอนนี้มีที่ไหนบ้างที่คู่ควรสำหรับการตั้ง Apple Store สาขาแรก ผมคิดว่าร้านนี้น่าจะตั้งในย่านการค้าใหญ่ของกรุงเทพได้ ต้องเป็นสถานที่ที่สามารถเอาโครงสร้างกระจกแบบ 2 สาขาที่กล่าวถึง สถานที่ที่พอจะเข้าท่าเข้าทางที่ผมนึกออกก็คือสยามสแควร์ ไม่เช่นนั้นก็อาจจะต้องไปตั้งย่านลาดพร้าว เช่นอาคารยูเนี่ยนมอลล์ หรือจะให้เก๋ ๆ ก็หลบอยู่ในซอยทองหล่อก็ได้ ด้วยตัวเลือกสถานที่ที่ยกขึ้นมา 3 แห่งนี้ผมดูจากการความพร้อมของสถานที่เป็นหลักเพราะเข้าใจว่าร้านของ Apple ต้องการความเด่นสง่าสะดุดตาเมื่อมองจากระยะไกล คงไม่เหมาะที่จะเอาร้านไปหลบอยู่ในลืบมุมใดภายในตัวห้างสรรพสินค้าแน่นอน และหากไม่ไปตั้งในย่านการค้าก็อาจจะทำให้บรรยากาศในร้านกร่อยได้ซึ่ง Apple คงจะไม่ชอบใจเท่าใด จึงคิดว่า 3 ตัวเลือกนี้น่าจะเหมาะที่สุด ตัวเลือกอื่น ๆ ที่น่าสนใจแต่ไม่ผ่านเกณฑ์ก็เช่น ย่านศรีนครินทร์ เพราะค่อนข้างห่างไกลไปหน่อย การเดินทางยากลำบากไปนิด หรือย่านหลักสี่บางเขนก็จะประสบปัญหาในลักษณะเดียวกันนี้
จริง ๆ โดยส่วนตัวผมเชียร์สยามสแควร์นะ แต่ปัญหาคือแถวนั้น iStudio มีเยอะสาขาเกินไปหน่อย ถ้าเอา Apple Store ไปตั้งเกรงว่าจะทำให้ร้านตรงนั้นเกิดอาการซบเซาได้ทันที (ไม่ได้บอกว่า Apple Store มันดีไปเสียทุกอย่างนะครับ แต่ถ้าเลือกได้ผมก็อยากเข้า Apple Store มากกว่า อย่างน้อยผมก็มั่นใจได้ว่าการตัดสินใจที่ออกมาจากทางนั้นเป็นที่สุดแล้ว ไม่ต้องหงุดหงิดใจกับอาการกลัว Apple ไม่ยอมให้เปลี่ยนสินค้าในบางกรณีที่อาจจะเกิดขึ้นได้)
แต่คงอีกหลายปีอยู่เลยกว่าที่ Apple จะเล็งเห็นว่าควรจะมาตั้งร้านสาขาของตัวเองในประเทศไทยนี้ คงต้องรอให้แปลอะไรหลายๆ อย่างเป็นภาษาไทยให้สำเร็จเสียก่อน เพราะรู้สึกว่า Apple ก็ค่อนข้างเคร่งเครียดเรื่องนี้พอสมควร จะสังเกตได้จากสิ่งของที่ปรากฏในร้านในประเทศแถวนี้ ทุกอย่างก็จะถูกบรรจงเขียนเป็นภาษาท้องถิ่น ก็หวังว่าถ้ามีสาขาในประเทศไทย เอกสาร/สื่อทุกอย่างก็ควรจะถูกแปลเป็นภาษาไทยด้วย ดังเช่นที่เขาพยายามแปลหน้าผลิตภัณฑ์เป็นภาษาไทยแล้ว
ปล. สุดท้ายผลออกมาว่า Apple Store สาขากรุงเทพจะไปตั้งอยู่ที่รัชโยธินแทน นี่ผมจะฮาขี้แตกขี้แตนเลยนะเนี่ย
ก็เดากันไปต่างๆ นานา ผมก็เคยเดาว่ามันเหมือนเครื่องหมาย Play แต่จากปากคำของคน Apple เองกลับได้คำตอบว่า “จริง ๆ แล้วเราอยากให้มันเป็นเลขบอกเวลาช่วงที่สินค้าตัวนั้นถูกแสดงต่อสาธารณะชนครั้งแรก (ใน Keynote)”
ทีแรกก็ไม่ค่อยเชื่อ แต่พอเปิดดูใน Keynote ของสินค้าตัวนั้น เออ เวลาที่ผู้พูด (จะ Steve Jobs หรือใครก็แล้วแต่) แสดงหน้าจอของสินค้าตัวนั้นครั้งแรกก็จะอยู่ในช่วงเวลาประมาณนาทีที่ 9 หรือไม่ก็นาทีที่ 40 กว่า ๆ จริง ๆ ก็นับว่าเป็นความแยบยลอีกเรื่องของ Keynote แฮะ
ที่มา: TÚAW
โพสนี้คงไม่มีปัญหาอะไรนะ (ฮา)
เราทราบกันว่าเราสามารถโหลด Firmware ของ iPod ได้เองจากที่ไหน เราสามารถโหลด Patch ของ Mac OS X ได้จากที่ไหน ตอนนี้เราก็ทราบอีกว่าเราสามารถโหลด Firmware ของ Apple TV ได้จาก URL นี้
http://mesu.apple.com/version.xml
อาจจะไม่มีประโยชน์สำหรับผู้ใช้อย่างพวกเรา แต่ถ้าอยากจะแกะดูว่ามีอะไรน่าสนใจใน Firmware ก็สามารถโหลดกันได้ตามอัธยาศัยครับ
ที่มา: มีคนกล่าวถึงใน Hackint0sh.org
เมื่อวันเสาร์ได้ใจดีซื้อ Apple Wireless Keyboard แจกน้อง ๆ (อย่างกับมีหลายคนนะ) เรื่องของเรื่องคือ Keyboard สายอันเก่าของเขามีปัญหาเนื่องด้วยอาหารไทยบางชนิดหกใส่ ทำให้ปุ่มเหนียวหนืดใช้งานไม่สะดวก
ตอนติดตั้งครั้งแรกก็เหมือนจะง่ายนะ ตั้งปุ๊บเจอปั๊บ แต่ปัญหาคือฟังก์ชั่นต่าง ๆ มันใช้การไม่ได้เลย ที่สำคัญก็ติดตั้ง Boot Camp 3.0 ลงใน Windows 7 ไปแล้วซึ่งไม่สามารถใช้งานตัว Bluetooth Update 1.0 หรือ Boot Camp 2.2 Update ได้เลย
เราก็ได้แต่หวังว่าจะรอ Apple ออก Boot Camp 3.1 Update มานะเพื่อที่จะได้ติดตั้งแบบไม่ต้องโกงดังที่จะกล่าวต่อไป
จริงๆ แล้วใช้แค่ Boot Camp 2.2 Update ก็เพียงพอแล้วสำหรับการติดตั้งไดรเวอร์เพิ่มเติม แต่โปรแกรมที่จำเป็นต้องใช้เพิ่มคือ 7zip ซึ่งเราจะนำมันมาใช้ระเบิดไฟล์ .msp
ซึ่งเราไม่สามารถติดตั้งลงไปได้ตรง ๆ (เพราะเราใช้ Boot Camp ไม่ตรงรุ่นกับมัน)
เราก็ใช้ 7zip เปิดดูภายใน .exe
ของ Boot Camp 2.2 Update ภายในก็จะพบ .msp
มีให้เลือกทั้ง 32-bit และ 64-bit เราก็เลือกรุ่นที่สนใจจากนั้นคลิ้กขวาแล้วเลือก Open inside จากนั้นเราจะพบกับรายชื่ออะไรไม่รู้เต็มเลย ไม่ต้องตกใจ อันนี้เป็นแค่เปลือกของตัว msp ให้เราเลือก BootCamp2
xtoBootCamp22
y แล้วก็กดเข้าไปดูภายใน จากนั้นของจริงที่เราจะได้พบกันอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด สิ่งที่เราสนใจคือ Binary.Keyboard_Bin
กับ Binary.MultiTouchMouse_Bin
ที่นี่เราก็เลือก Open inside เราก็จะพบไฟล์ที่ดูคุ้นเคยแล้ว ให้เราทำการระเบิดไฟล์ในนี้ออกมาวางไว้ข้างนอก (แยกชนิดกันเลยทั้ง Keyboard ทั้ง Magic Mouse) แล้วทำการเรียกตัวติดตั้งของแต่ละอัน (DPInst.exe
) แล้วมันจะเรียกให้ Restart เพียงแค่นี้ก็ได้ไดรเวอร์สำหรับอุปกรณ์สองตัวนี้แล้ว
ติดตั้งเสร็จก็อย่าลืมไปดูเรื่องการตั้งไม่ให้มัน Sleep เองเสียด้วยจะได้ใช้แล้วไม่หงุดหงิด
เข้า 9to5mac แล้วเจอคลิปอันนี้ คิดว่าน่าสนใจเลยต้องหยิบมาให้ดูกันเสียหน่อย
คุณคนที่อยู่บนฉากดำคือ Jason Calacanis ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง Weblogs Inc. (ถูก AOL ซื้อไปแล้ว) เจ้าของเว็บไซต์ข่าวเชิง Blog ชื่อดังเช่น engadget และ tuaw ซึ่งเขาเป็นผู้ใช้ทั้ง Mac และ iPhone
ประเด็นชัดเจนครับคือ